อาหารหลังผ่าตัด

ข้าวต้มกุ้ง

อาหารอ่อนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแล้วไม่ว่าจะผ่าตัดเล็ก เช่น ไส้ติ่ง หรือผ่าตัดใหญ่ เช่น นิ่ว หรือเนื้องอก

อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เปื่อย มีกากน้อย ย่อยง่าย รสชาติอ่อนๆ ส่วนอาหารหมักดอง อาหารมีรสจัด เหนียว มักจะงด

ข้าวต้มเครื่องที่มีเนื้อสัตว์ที่บดแล้วผสมอยู่ เช่น ข้าวต้มหมู ข้ามต้มปลา หรือโจ๊ก จึงเหมาะอย่างมากที่จะจัดให้แก่ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารอ่อนแต่ “ข้าวต้มกับ” มักจะมีปัญหาเรื่อง”กับ” ที่รับประทานกับข้าวต้ม เพราะคนไทยมักจะคุ้นกับการรับประทานข้าวต้มกับของดอง เช่น ขิงดอง เกี้ยมฉ่าย ซีเซ็กฉ่าย ซึ่งเป็นของต้องห้ามสำหรับอาหารอ่อน เพราะฉะนั้นกับข้าวของข้าวต้ม จึงต้องเลือกเฉพาะกับข้าวที่นุ่ม เปื่อยเท่านั้น เช่น ปลานึ่ง ไข่เจียวนิ่มๆ หมูอบเปื่อยๆ ต้มจับฉ่ายที่ต้มผักจนนุ่มและเปื่อย เป็นต้น

ผู้ป่วยบางคนเบื่อข้าวต้ม ก็สามารถเปลี่ยนเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือมักกะโรนีได้ โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวน้ำ หรือมักกะโรนีน้ำ แต่ยังไม่ควรใส่ผัก เพราะจะทำให้ย่อยยาก

เนื้อสัตว์ทุกชนิดสามารถนำมาทำเป็นอาหารของผู้ป่วยหลังได้รับการผ่าตัด เพียงแต่ต้องทำให้นุ่ม เปื่อยเท่านั้น ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ไม่เหนียว นำมาทำอาหารให้ผู้ป่วยได้ดี แต่ต้องระวังก้างและเกล็ด

ส่วนผัก ให้เลือกผักที่ก้านไม่แข็ง ควรเลือกผักใบและเคี่ยวให้นุ่ม เปื่อย

ผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่นุ่ม ไม่มีเปลือกแข็งหรือมีใยมาก เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก มะม่วงสุก เป็นต้น

ของหวาน ควรเป็นขนมหวานที่รสไม่จัด มีลักษณะนุ่ม เช่น สังขยา ไอศกรีม เยลลี่ คัสตาร์ด สาคูเปียก เป็นต้น

เครื่องดื่มประเภทน้ำนม นมถั่วเหลืองหรือน้ำผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมและให้คุณค่าอาหารที่ดีที่สุด

ควรหลีกเลี่ยง ชา กาแฟ แต่ถ้าจำเป็นต้องดื่มก็ควรเลือกชนิดที่ไม่มีคาเฟอีน

ส่วนเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ควรงดเว้น

จะต้องทานอาหารอ่อนไปนานแค่ไหน ?

ถ้าการขับถ่ายเป็นปกติ (ไม่มีอาการท้องเสีย-ท้องผูก-ปวดท้อง) ก็เปลี่ยนเป็นอาหารปกติได้ แต่เริ่มที่รสไม่จัดก่อน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.infoforthai.com/forum/topic/5709

ไม่เก่งแต่อยากประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรดี

Talent Is Never Enough

จากหนังสือเรื่อง Talent Is Never Enough โดย John C. Maxwell นำเสนอไว้ว่า
พรสวรรค์และสติปัญญาเพียงอย่างเดียวนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ แต่จะต้องมีปัจจัยอื่นอีก 13 ประการ นั่นคือ

1. มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง (Belief)

คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความเชื่อมั่นว่า ตนเองมีความสามารถที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

2. มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า (Passion)

พลังแห่งความมุ่งมั่นในที่นี้แห่งคือ การที่เรามุ่งมั่นว่า เราจะต้องทำในสิ่งที่เราปรารถนาให้ประสบความสำเร็จให้จงได้ และเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และแม้ว่าจะเจออุปสรรคขวางกั้นสักแค่ไหน ก็ไม่ยอมแพ้โดยเด็ดขาด

คนที่มีสติปัญญาไม่สูงมากนัก แต่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ย่อมสามารถเอาชนะคนที่มีสติปัญญาสูงแต่เหงาหงอยหรือเบื่อหน่ายได้

เมื่อเรามีความมุ่งมั่นมาจากข้างใน จะทำให้กิริยาท่าทาง คำพูด และการกระทำเต็มไปด้วยพลัง คำพูดจะน่าเชื่อถือ ผู้ฟังจะเกิดกำลังใจ มีความกระตือรือร้น และเต็มใจให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม คนที่มีความมุ่งมั่นจะต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในสิ่งที่ตนเองจะลงมือกระทำด้วย เพื่อช่วยให้ไม่หลงทางและเสียเวลาไปโดยใช้เหตุ

3. มีจินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative)

การสร้างจินตนาการนั้นแตกต่างจากการฝันกลางวัน ตรงที่ว่า การจินตนาการจะต้องมีการลงมือกระทำด้วยเสมอ แต่การฝันกลางวัน คือการวาดภาพในอากาศ แต่ไม่เคยมีการลงมือกระทำ ใดๆ เลย

การฝันกลางวันเป็นเพียงการรอคอยปัจจัยภายนอก ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตก็เป็นได้ในการรอคอยให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น ในทางกลับกัน การพยายามริเริ่มความคิดที่สร้างสรรค์ จะช่วยพัฒนาสติปัญญาและช่วยให้สิ่งต่างๆ ที่เราวาดฝันไว้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

4. มีสมาธิ

สมาธิ คือ การจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเสร็จแล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปทำสิ่งอื่น โดยในระหว่างที่ลงมือกระทำจะต้องไม่คิดเรื่องอื่น ไม่คิดถึงเรื่องอดีต และต้องไม่กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

สมาธิจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเกิดความกระตือรือร้นและมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ คนที่มีสมาธิจะไม่หัวเสียไปกลับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จิตจะพุ่งไปสู่การเป้าหมายที่วางไว้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การมีสมาธิเพียงอย่างเดียว บางครั้งอาจจะเป็นการพยายามที่ผิดทางก็เป็นได้ จึงจำเป็นจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา โดยการหมั่นถามตนเองว่า ขณะนี้เรากำลังทำสิ่งใด ทำไปเพื่ออะไร ตรงประเด็นหรือไม่ เราอยู่ห่างจากเป้าหมายมากน้อยเพียงใด และเราจะต้องทำสิ่งใดอีกบ้างเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าว

5. มีการเตรียมตัว (Preparation)

การเตรียมตัวนั้นถือว่า เป็นการให้เกียรติคนฟัง เช่น ในกรณีที่เราจะต้องนำเสนอโครงงานให้เพื่อนร่วมงานฟัง เราควรเตรียมตัวไปล่วงหน้า ถึงแม้ว่าเราจะเคยนำเสนอโครงงานนี้มาแล้วก็ตาม เพราะในการนำเสนอแต่ละครั้งสถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแปลงไป ทั้งในแง่ของกลุ่มผู้ฟัง ตัวผู้พูดเอง และสถานการณ์รอบข้างที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เราจึงไม่ควรประมาท ควรเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าทุกครั้ง ทั้งในเรื่องการนำเสนอและการเจรจาทางธุรกิจ เป็นต้น

6. มีการฝึกฝน (Practice)

การฝึกฝนจะช่วยให้เรามีสติปัญญาที่ลุ่มลึกมากขึ้น และรู้จักตัวเองมากขึ้น เช่น เราถนัดทำงานในช่วงใดของวัน ในสภาพแวดล้อมแบบใด หรือเราชอบมอบหมายงานให้ลูกน้องแบบใด เป็นต้น

7. มีความมานะบากบั่นพากเพียร (Perseverance)

ผู้แต่งได้ยกตัวอย่างของวอลท์ ดิสนีย์ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะต้องเพียรพยายามในการขอเงินกู้มากกว่าสามร้อยครั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการสร้างดิสนีย์แลนด์แห่งแรกในลอสแองเจลลิส แต่เขาก็ไม่ย่อท้อเพราะเขาเชื่อว่า สิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาล้มเลิกความพยายามได้ก็คือ ความสำเร็จจากการที่เขาพยายามทำสิ่งเหล่านั้นนั่นเอง

8. มีจิตใจเข้มแข็งและกล้าหาญ (Courage)

ความกล้าหาญในที่นี้คือ ความกล้าที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ทั้งความสมหวังและความผิดหวัง เป็นต้น

9. มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา (Teachability)

คนที่ประสบความสำเร็จจะมีจิตใจที่เปิดกว้างและคิดอยู่เสมอว่าตนเองนั้นมีความรู้เพียงน้อยนิด จำเป็นจะต้องค้นคว้าและเปิดใจยอมรับความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเขาเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จมากมายแค่ไหนก็ตาม

10. มีลักษณะนิสัยที่ดี (Character)

ในที่นี้หมายถึง ลักษณะนิสัยที่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง เขามองว่าเราเป็นคนอย่างไร ฉะนั้น หากอยากจะประสบความสำเร็จ เราจะต้องพยายามปรับตัวและทำตัวเป็นคนดี นิสัยเดิมของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากเป็นนิสัยที่ไม่ดี ขัดต่อศีลธรรมจรรยา เราก็ต้องพยายามแก้ไขเพราะไม่มีคนใดที่อยากจะทำงานกับคนที่มีนิสัยที่ไม่ดี เช่น นิสัยพูดจาขวานผ่าซาก พูดจาเสียดสีนินทาว่าร้ายผู้อื่น หรือทำอะไรไม่รู้จักกาลเทศะ เป็นต้น

นอกจากนั้น โดยทั่วไปแล้วมนุษย์มักเลือกที่จะจดจำนิสัยที่ไม่ดีของผู้อื่นมากกว่านิสัยที่ดี ฉะนั้น ภาพพจน์และชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องรักษาไว้ดั่งชีวิต เพราะพลาดครั้งเดียวเท่ากับทำลายภาพพจน์ที่ดีที่เคยสั่งสมมา ให้หายไปได้ภายในพริบตาเดียว

11. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง

การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างนั้น ตัวเราเองจะต้องเป็นคนพยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น มีน้ำใจ และพยายามอะลุ้มอล่วยในสิ่งที่พอจะทำได้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อหลักการความถูกต้อง

นอกจากนั้น เราควรเลือกบุคคลที่จะคบหาสมาคมด้วย เพราะอารมณ์ ความคิด คำพูด และการกระทำของคนรอบข้างจะต้องกระทบเราอย่างหลีกเลี่ยงเสียไม่ได้ ฉะนั้น การเลือกคบคน ไม่ควรตัดสินจากคำพูด รูปลักษณ์ภายนอก หรือการกระทำเพียงผิวเผินของฝ่ายตรงข้าม แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การสังเกตดูจากคนรอบข้างของคนๆ นั้น เพราะสิ่งที่เหมือนกันย่อมดึงดูดกัน เช่น คนที่ซื่อสัตย์ย่อมทนไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกับคนที่โกง หลังจากใช้เวลาในการสังเกตในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับคนๆ นั้น ให้ใช้ความรู้สึกไปทาบว่า เรารู้สึกอย่างไรเมื่ออยู่ใกล้คนๆ นี้ อึดอัดหรือสบายใจ และที่สำคัญคือ ความรู้สึกจะไม่มีเหตุผลจากปัจจัยภายนอกเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น เพราะเขาหน้าตาดี มีฐานะดี หรือมีความสามารถ เราจึงอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เหล่านี้มิใช่ความรู้สึกแต่เป็นความคิดที่ไม่สามารถเชื่อถือได้

12. มีความรับผิดชอบ (Responsibility)

เมื่อเกิดปัญหาจะต้องไม่โยนความผิดให้ผู้อื่นไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก็ตาม

13. มีทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Teamwork)

การทำงานให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยบุคคลที่มีความสามารถในหลายๆ ด้านเข้ามาช่วยกันระดมสมอง เพื่อขยายขอบเขตของจินตนาการออกไปให้กว้างไกลมากขึ้น ฉะนั้น คนที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และจะต้องเน้นเรื่องงานเป็นหลักมากกว่า

อยากประสบความสำเร็จ มีรายดี สุขภาพแข็งแรง แถม ช่วยเหลือผู้คนได้ด้วย ไอยราแพลนเน็ต โดยทีมงานบ้านน้ำใจ มีคำตอบ

ติดต่อ 086 604 7044 เบญค่ะ
www.baannumjai.com

เจาะใจ ‘กิตติศักดิ์’ แห่ง ‘ไอยรา แพลนเน็ต’

เจาะใจ ‘กิตติศักดิ์’ แห่ง ‘ไอยรา แพลนเน็ต’
…อยากสำเร็จอย่านิ่งเฉย ต้องลงมือทำ

ผู้นำเงินล้านไอยรา

การที่จะทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งที่สำคัญ คือ การทำความเข้าใจถึงความสวยงามของธุรกิจ และ “ใจ” ที่ต้องพร้อมเผชิญหน้ากับอุปสรรคและขวากหนามที่จะเข้ามาพิสูจน์ความแข็งแกร่ง เป็นบททดสอบความกล้าให้คุณเลือกที่จะยอมแพ้ หรือลุกขึ้นสู้เพื่อจุดหมายปลายทางข้างหน้า เพราะความสำเร็จนั้นมีความหอมหวนและทำให้ผู้กล้าภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับ เป็น “รางวัล” ที่สามารถพลิกชีวิตของคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือได้

เช่นเดียวกับ “กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธ์” นักธุรกิจ Gold Star บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด ด้วยความคิดด้านบวกและมองเห็นธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งโอกาสที่ใครก็สามารถคว้าได้ จากชายหนุ่มมีอาชีพรับราชการเป็นบุรุษพยาบาลประจำกรมแพทย์ทหารเรือ มาประสบความสำเร็จในเส้นสายธุรกิจแห่งโอกาสกับค่ายขายตรงสีขาวอย่าง ไอยรา แพลนเน็ต

“การที่ผมตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายเพราะเชื่อมั่นว่า ธุรกิจนี้สามารถสร้างความมั่นคงให้กับผมได้ และเชื่อเสมอว่าทำได้ ผมคลุกคลีอยู่ในวงธุรกิจเครือข่ายมากว่า 20 ปี จนประสบความสำเร็จเป็นมนุษย์เงินล้าน ได้เป็นผู้นำเงินล้าน สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ธุรกิจเครือข่ายสามารถทำให้ฝันของใครหลายคนเป็นจริงได้ แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นโอกาสและคว้ามันไว้หรือไม่”

เมื่อ ไอยรา แพลนเน็ต ได้ประกาศเปิดตัวในสังเวียนเครือข่ายมาได้ 8 เดือน “กิตติศักดิ์” ก็ไม่รอช้าที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2556 เนื่องจากรู้จักท่านประธานบริษัทและทีมผู้บริหาร กอปรกับสินค้าและระบบการบริหารที่มีศักยภาพทำให้เขามั่นใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่

“กิตติศักดิ์” ตัดสินใจก้าวออกจากค่ายเดิมโดยไม่พาทีมงานที่สร้างไว้มาด้วย เขาเชื่อว่า ถ้าองค์กรดี
บวกกับฝีมือดีก็สามารถสร้างทีมใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะไปที่ไหนย่อมกลับมาเป็นมนุษย์เงินล้านอีกครั้งได้ สะท้อนให้เห็นถึงระบบว่าสามารถทำได้จริง เขาบอกว่า การยกองค์กรเข้ามาแล้วสำเร็จนั้นเป็นเหมือนนักแสวงหาโอกาสมากกว่า

“ผมเข้ามาที่นี่ด้วยการเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ คนแรกคือผม โบนัสรางวัลแรกเริ่มต้นที่ศูนย์บาทจริงๆ ในเดือนแรกผมสามารถทำรายได้ที่หลักหมื่น และได้เป็นมนุษย์เงินล้านภายใน 126 วัน แม้ไม่ได้เร็วเหมือนคนที่ยกองค์กรมาซึ่งจะทำรายได้มากถึง 2 – 3 ล้านบาท ใช้เวลา 11 เดือนมีรายได้แตะเดือนละล้าน ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการไต่ขึ้นมา ผมเริ่มต้นสร้างทีมด้วยดาวไลน์เพียง 2 คน ปัจจุบันมีเป็นหลัก 2 – 3 หมื่นคน เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าภายใน 11 เดือน เราก็สามารถเป็นมนุษย์เงินล้านได้”

“กิตติศักดิ์” เชื่อมั่นไอยราเป็นบริษัทเครือข่าย “สีขาว” เพราะประธานบริษัทมีประสบการณ์ธุรกิจ
โดยตรง เขามองว่าต้นทุนที่สำคัญ คือ ความรู้และความเข้าใจในธุรกิจเครือข่าย รวมถึงความตั้งใจ เขาบอกว่า บริษัทเครือข่าย 90% ส่วนใหญ่ที่ทุนหนามักจะล้มเหลว เหตุเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจในระบบเครือข่ายอย่างแท้จริง

นอกจากความรู้และประสบการณ์ของเจ้าของบริษัทแล้ว ที่ไอยรายังมีทีมงานมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอบรม หลักสูตรการพัฒนาคน และยังมีหัวใจหลักของธุรกิจ คือ สินค้า ที่มีผลงานวิจัยชัดเจน มีการจดสิทธิบัตรทั่วโลก นอกจากนี้ในส่วนของการบริหารจัดการที่สามารถชำระเงินผ่าน 7-Eleven ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ถือเป็นเทคโนโลยีสามารถทำธุรกิจแบบ Passive Income อย่างสะดวกสบาย

“บริษัทมีขั้นตอนในการฝึกอบรม ส่วนผมระบบทีมงานเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว คือ 24 OK Group เป็นหลักสูตรสร้างผู้นำและระบบการทำงานเป็นทีม เราใช้เวลาเพียง 1 ปี สร้างผู้นำเงินแสนได้มากกว่า 60 รหัส และผู้นำเงินล้านมากกว่า 3 รหัส ดังนั้น เป้าหมายปีนี้เราจะสร้างผู้นำเงินล้านไม่ต่ำกว่า 24 รหัส ผู้นำเงินแสนในหลัก 100 รหัสขึ้นไป”

อย่างไรก็ตาม ความยากง่ายของการทำธุรกิจอยู่ที่ความคิด การทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ยากขึ้นอยู่กับความคิดว่าจะทำได้หรือไม่ ดังนั้น จึงควรเปิดใจแล้วมาเรียนรู้งานพื้นฐาน อุปสรรคสำคัญ คือ คนยังไม่เข้าใจระบบเครือข่าย ดังนั้น รูปแบบการทำงานของ “กิตติศักดิ์” จะมี 5 ขั้นตอน คือ

1. บอกให้เขารู้
2. ทำให้เขาดู
3. พาให้เขาเห็น
4. ฝึกให้เขาเป็น
5. ดูแลให้เขาสำเร็จ

ดาวน์ไลน์ 1 คนจะต้องเข้าสู่กระบวนการทั้ง 5 ข้อ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตร 24 Know How กับ 9 เทคนิคทางธุรกิจ และมี 24 OK Fan Club ผ่านสโมสรผู้นำเงินแสน มีจัดกิจกรรมมอบเข็มเกียรติยศ เป็นต้น

“ผมใช้หลัก “การกระทำมีค่ากว่าคำสอน” หมายถึง เราต้องปฏิบัติก่อนจึงจะสอนคนอื่นได้ เหล่านี้จะถูกถ่ายทอดจากผมลงไปสู่ดาวไลน์อย่างชัดเจน ตัวคุณต้องลงมือทำด้วยตัวเองให้ได้ก่อน จากนั้นคุณจะสามารถนำไปสอนให้กับดาวไลน์ของคุณได้ หลังจากนั้นเราจะเน้นวิธีการทำจริง ไม่เน้นภาคทฤษฎีอย่างเดียว ปัจจุบันผมมีดาวไลน์เป็นมนุษย์เงินแสนมากกว่า 60 รหัส จนได้รับรางวัล Top Sponsor 4 รางวัลย่อย”

สำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจเครือข่าย ที่ไอยรา แพลนเน็ต ไม่ต้องกังวลเรื่องประสบการณ์ เพราะเรามีระบบการฝึกอบรม มีพี่เลี้ยงช่วยในการให้คำปรึกษา ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่สวยงาม สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างแท้จริง เพียงแต่หลายคนยังไม่เข้าใจระบบว่าเครือข่ายที่แท้จริงเป็นอย่างไร อยากให้ทุกคนเปิดใจกับธุรกิจเครือข่าย และเรียนรู้ ลงมือทำ ความสำเร็จจะเป็นของคุณแน่นอน

ที่มา: หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ 16-31 มกราคม 2557

ทำงานอย่างไรถึงจะรวย

work hard and smart

การที่คนเราจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้นั้น ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการทำงานเก่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าหากเราสังเกตให้ดีแล้วจะพบได้ว่า ทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ดูจะมีความสุขกับสิ่งที่เค้าทำมากกว่า ที่จะคิดถึงเรื่องชื่อเสียง เงินทอง หรือ ความสำเร็จ ซะอีก

บทเรียนบทสำคัญ ที่ฉันได้มาจากการอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ของคุณโรเบิร์ต ก็คือ

“คนรวยจะไม่ทำงานเพื่อเงิน”

เคยมีคนทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า การทำในสิ่งที่เรารักและหลงใหล กับ การที่เราทำสิ่งต่างๆ เพื่อเงิน จะให้ผลลัพธ์ในชีวิตแตกต่างกันมากแค่ไหน

มีการศึกษาผู้คนจำนวน 1,500 คน พบว่า

– มีคน 83% ที่เลือกจะทำงานเพื่อเงินก่อน แล้วจึงค่อยทำในสิ่งที่ตนเองต้องการในภายหลัง

– มีคน 17% เท่านั้น ที่เลือกจะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการก่อน แล้วจึงค่อยคิดถึงเรื่องเงินในภายหลัง

และหลังจากที่ได้ศึกษาชีวิตผู้คนเหล่านี้ต่อเนื่องไปอีก 20 ปี พบว่า

– จากคนที่ศึกษาทั้งหมด 1,500 คน มีคนที่กลายเป็นมหาเศรษฐี 101 คน
– และจากจำนวนมหาเศรษฐี 101 คนนี้ พบว่าเป็นคนที่เลือกทำในสิ่งที่ตนเองรัก ก่อนคิดถึงเรื่องเงินถึง 100 คน

ถ้าหากคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ จะพบว่า
ถ้าหากเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก เรามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ 39.2%
ถ้าหากเราเลือกที่จะทำงานเพื่อเงิน เรามีโอกาสที่จะรวยจริงๆ เพียงแค่ 0.08%

เรื่องตลกของคนเราก็คือ เงินทอง และ ความสำเร็จ มักจะวิ่งไปหาคนที่ไม่เคยคิดถึงมันเสมอๆ

หรืออย่างที่คนมักจะพูดกันว่า “โชคดีมักจะมาหาคนที่ไม่เคยหวังพึ่งโชคชะตาเสมอ” นั่นเอง

รู้ดังนี้แล้ว ขอให้เราใส่ใจกับความฝันของตนเองให้มาก อย่าให้ปัจจัยอื่นๆ มาควบคุมชีวิตเราให้ออกห่างจากสิ่งที่เราฝันไว้ได้

Steve Jobs บอกไว้ว่า “ชีวิตของเราสั้นเกินไปกว่าที่จะใช้ชีวิตเพื่อความฝันของผู้อื่น”

ขออย่าให้เรายึดติดกับเงิน เพราะยิ่งเรายึดติดกับมันมากเท่าไหร่ เราจะตกเป็นทาสของมันมากเท่านั้น
จงใช้เงินอย่างชาญฉลาด และให้เงินทำงานให้กับเรา

สนใจทำธุรกิจกับไอยรา แพลนเน็ต เราใส่ใจ แบ่งปัน เติบโตร่วมกัน
ติดต่อ 086 604 7044 เบญค่ะ
www.baannumjai.com